เอกสารภายในสำหรับนักพัฒนา - ระบบเลื่อนเงินเดือน/ค่าจ้าง
ระบบเลื่อนเงินเดือน/ค่าจ้าง ประกอบด้วยระบบย่อยดังต่อไปนี้
- บริหารจัดการผังบัญชีเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ
- บริหารจัดการผังบัญชีค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานคร
- เลื่อนเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ
- เลื่อนค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานคร ซึ่งผังบัญชีเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญกับผังบัญชีค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครมีความแตกต่างกัน จึงต้องทำเป็นระบบแยก
ภาพรวมของกระบวนการเลื่อนเงินเดือน
- สร้างผังบัญชีเงินเดือน (สร้างรอบเดียว)
- สร้างรอบการขึ้นเงินเดือน (ปีละ 2 รอบ + พิเศษ)
- หน่วยงานทำรายการเงินเดือน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม
- หน่วยงานส่งรายการเงินเดือนกลุ่ม 2 และกลุ่ม 1 (เฉพาะอาวุโส ชำนาญการพิเศษ และบริหารต้น) ให้ สกจ.
- สกจ. ตรวจสอบ ให้คำแนะนำ
- กรณีมีการแก้ไขให้ส่งกลับให้ ผอ.หน่วยงาน และผอ.หน่วยงานส่งกลับให้การเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน
- กรณีไม่มีการแก้ไขให้ส่งกลับให้การเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน
- การเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน/สกจ. จัดทำคำสั่งเงินเดือนตามอำนาจ
Flow การเลื่อนเงินเดือน

ระบบย่อย 1 - การจัดการผังบัญชีเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ
- ผังบัญชีเงินเดือนมีไว้เพื่อระบุเงินเดือนของแต่ละคนว่าประเภทตำแหน่ง ระดับตำแหน่งนั้น มีเงินเดือนเท่าไหร่
- ผังบัญชีเงินเดือน แยกตาม
- ประเภทตำแหน่ง
- ระดับตำแหน่ง
- ประเภทผังบัญชีอัตราเงินเดือน (TOR 6.11.1.1 (2)) คือการเอาประเภทตำแหน่ง กับ ระดับตำแหน่งมารวมกัน จะได้เป็นประเภทผังบัญชีอัตราเงินเดือน เช่น ผังบัญชีอัตราเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ประเภทตำแหน่งวิชาการ ระดับชำนาญการ
- ในแต่ละผังจะประกอบด้วย
- MetaData ได้แก่
- ประเภทผังบัญชีอัตราเงินเดือน (ประเภท+ระดับ) (TOR 6.11.1.1 (2))
- ประเภทตำแหน่ง (ทั่วไป/วิชาการ/อำนวยการ/บริหาร) (TOR 6.11.1.1 (3))
- ระดับ (TOR 6.11.1.1 (4))
- ชื่อผังบัญชีอัตราเงินเดือน (เป็นฟิลด์ให้กรอก) (TOR 6.11.1.1 (1))
- คำอธิบายผังบัญชีเงินเดือน (Optional) (เป็นช่องให้กรอกข้อความ) (TOR 6.11.1.1 (7))
- ให้ไว้ ณ วันที่ (Optional) (TOR 6.11.1.1 (8))
- วันที่มีผลบังคับใช้ (Optional) (TOR 6.11.1.1 (9))
- วันที่สิ้นสุดบังคับใช้ (Optional) (TOR 6.11.1.1 (10))
- เอกสารอ้างอิง (Optional) (ให้อัปโหลดไฟล์) (TOR 6.11.1.1 (11))
- สถานะการใช้งานปัจจุบัน (ใช้งาน/ไม่ใช้งาน) (TOR 6.11.1.1 (12))
- อัตราเงินเดือน ได้แก่
- ขั้นเงินเดือน (TOR 6.11.1.1 (5))
- อัตราเงินเดือนแต่ละขั้น (เงินเดือนฐาน, 0.5 + พิเศษ, 1.0 + พิเศษ, 1.5 + พิเศษ) (TOR 6.11.1.1 (6))
- MetaData ได้แก่
- ตอนสร้างผังเงินเดือน ค่า Default ของสถานะการใช้งานจะเป็น “ไม่ใช้งาน” ในสถานะนี้จะสามารถเพิ่ม ลบ แก้ไขข้อมูลเงินเดือนได้ แต่เมื่อเปลี่ยนสถานะเป็น “ใช้งาน” แล้ว ผังเงินเดือนนั้นจะไม่สามารถแก้ไขได้
- ผังเงินเดือนที่เพิ่งสร้าง ยังไม่เคย Publish เลย จะยังคงสามารถลบได้อยู่ แต่ถ้า Publish ไปแล้ว จะไม่สามารถลบได้อีกเลย แม้จะถูกเปลี่ยนสถานะกลับเป็น “ไม่ใช้งาน” ก็ตาม คือจะเหมือนกับโครงสร้างที่ลบไม่ได้ แม้จะไม่ได้ใช้งานแล้ว
- อัตราเงินเดือนในแต่ละขั้นสามารถเพิ่ม ลบ แก้ไขได้
- ผังเงินเดือนสามารถทำสำเนาได้ เมื่อทำสำเนาแล้วสถานะของสำเนาจะเป็น “ไม่ใช้งาน”
- ในผังเงินเดือนมาตรฐาน จะระบุว่าในแต่ละขั้นมีอัตราเงินเดือนเท่าไหร่ แต่เพื่อความง่ายในการคำนวณเงินเดือน ระบบนี้จะเพิ่มขั้นที่ “ทะลุ” ไว้ด้วย เมื่อคำนวณเงินเดือนจะไม่ต้องคำนวณข้ามแท่ง แต่ต้องมีฟิลด์ระบุไว้ด้วยว่าขั้นนั้นเป็นขั้นทะลุ
- การจัดเรียงลำดับจะเรียงตามเงินเดือนฐาน โดยแยกส่วนที่ทะลุออกจากส่วนที่ไม่ทะลุ
- สามารถส่งออกผังบัญชีอัตราเงินเดือนออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้
ระบบย่อย 2 - การจัดการผังบัญชีค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานคร
- ผังบัญชีค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานครมีความแตกต่างจากผังเงินเดือนข้าราชการฯ โดยผังบัญชีค่าจ้างจะแยกตาม “กลุ่มของผังบัญชีอัตราค่าจ้าง” (TOR 6.11.2.1 (2)) เป็นหลัก
- ผังบัญชีเงินเดือนข้าราชการฯ จะแบ่งแยกแต่ละผังด้วยประเภทและระดับ แต่ผังของลูกจ้าง จะแบ่งตามกลุ่มของผังบัญชีอัตราค่าจ้าง ปัจจุบันคือ กลุ่ม 1 กลุ่ม 2 กลุ่ม 3 แล้วค่อยนำกลุ่มงาน ตำแหน่ง และระดับมาผูกกับตัวผังบัญชีอัตราค่าจ้างอีกต่อหนึ่ง
- ในแต่ละผังประกอบด้วย
- MetaData ได้แก่
- ชื่อผังบัญชีอัตราค่าจ้าง (TOR 6.11.2.1 (1))
- กลุ่มของผังบัญชีอัตราค่าจ้าง (TOR 6.11.2.1 (2))
- คำอธิบายผังบัญชีค่าจ้าง (Optional) (เป็นช่องให้กรอกข้อความ) (TOR 6.11.2.1 (8))
- ให้ไว้ ณ วันที่ (Optional) (TOR 6.11.2.1 (9))
- วันที่มีผลบังคับใช้ (Optional) (TOR 6.11.2.1 (10))
- วันที่สิ้นสุดบังคับใช้ (Optional) (TOR 6.11.2.1 (11))
- เอกสารอ้างอิง (Optional) (ให้อัปโหลดไฟล์) (TOR 6.11.2.1 (12))
- สถานะการใช้งานปัจจุบัน (ใช้งาน/ไม่ใช้งาน) (TOR 6 .11.2.1 (13))
- อัตราค่าจ้าง ได้แก่
- ขั้นค่าจ้าง (TOR 6.11.2.1 (6), TOR 6.11.2.2 (4))
- อัตราค่าจ้าง (TOR 6.11.2.1 (7), TOR 6.11.2.2 (5))
- MetaData ได้แก่
- เมื่อได้ผังบัญชีอัตราค่าจ้างในแต่ละกลุ่มแล้ว ต้องนำผังบัญชีไปเชื่อมโยงกับ “กลุ่มงานของลูกจ้าง” “ตำแหน่ง” และ “ระดับ” (ดูรายละเอียดในเอกสาร “อัตราค่าจ้างขั้นสูงใหม่”)
- กลุ่มงานของลูกจ้าง (TOR 6.11.2.1 (3)) (เทียบได้กับประเภทตำแหน่งของข้าราชการฯ) ได้แก่ “กลุ่มบริการพื้นฐาน” (บ) “กลุ่มงานสนับสนุน” (ส) “กลุ่มงานช่าง” (ช)
- ระดับชั้นงาน (TOR 6.11.2.1 (5)) (เทียบได้กับระดับตำแหน่งของข้าราชการฯ) จะเอาตัวย่อของกลุ่มงานมารวมกับเลข เช่น บ1 = กลุ่มบริการพื้นฐาน 1
- ตำแหน่งของลูกจ้าง (TOR 6.11.2.1 (4)) (เทียบได้กับตำแหน่งในสายงานของข้าราชการฯ)
- ในการเชื่อมโยง ต้องเลือกกลุ่มงานของลูกจ้าง (TOR 6.11.2.2 (1)) เลือกตำแหน่ง (TOR 6.11.2.2 (2)) เลือกระดับ (TOR 6.11.2.2 (3)) แล้วกรอกข้อมูล
- เงินขั้นต่ำสุด
- กลุ่มบัญชีค่าจ้าง (กลุ่มของผังบัญชีอัตราค่าจ้าง เริ่มต้น)
- เงินขั้นสูงสุดเดิม
- กลุ่มบัญชีค่าจ้าง (กลุ่มของผังบัญชีอัตราค่าจ้าง ขั้นสูง)
- เงินขั้นสูงสุดใหม่ (ทะลุขั้น)
- สามารถส่งออกผังบัญชีอัตราค่าจ้างออกมาเป็นไฟล์ Excel ได้
ระบบย่อย 3 - เลื่อนเงินเดือนข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ
การสร้างรอบการขึ้นเงินเดือน
- รอบการขึ้นเงินเดือนผู้จัดทำคือ สกจ.
- รอบการขึ้นเงินเดือนในแต่ละปีจะมี 2 รอบ
- รอบเมษายน
- รอบตุลาคม
- แต่ สกจ. สามารถทำรอบพิเศษแยกต่างหากได้ เช่น เลื่อนให้ผู้ที่ทำผลงานปราบปรามยาเสพติด แต่ระบบจะอำนวยความสะดวกในการกำหนดขั้นและสร้างรายงานเท่านั้น ไม่มีการคำนวณ 15% 6% หรือทำ snapshot ใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้จัดทำเงินเดือนต้องเพิ่มคนเข้าไปด้วยตนเอง
- รอบการขึ้นเงินเดือนประกอบด้วยฟิลด์
- รอบการปรับขั้นเงินเดือน (เมษายน/ตุลาคม) (TOR 6.11.3.1 (1))
- วันที่มีผลบังคับใช้ (TOR 6.11.3.1 (2))
- สถานะการใช้งานปัจจุบัน (ใช้งาน/ไม่ใช้งาน) (TOR 6.11.3.1 (3))
- เมื่อ สกจ. สร้างรอบแล้ว ระบบจะต้องตั้งเวลาเพื่อทำ Snapshot จำนวนคนครอง
- กรณีรอบเมษายน ให้เริ่มคำนวณเมื่อเข้าสู่
- 0.00 น. ของวันที่ 1 มีนาคม -> snapshot คนเพื่อคำนวณโควตา 15%
- 0.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน -> snapshot คนเพื่อนำไปออกคำสั่ง
- กรณีรอบตุลาคม ให้เริ่มคำนวณเมื่อเข้าสู่
- 0.00 น. ของวันที่ 1 กันยายน -> snapshot คนเพื่อคำนวณเงิน 6%
- 0.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม -> snapshot คนเพื่อนำไปออกคำสั่ง
- กรณีรอบเมษายน ให้เริ่มคำนวณเมื่อเข้าสู่
- สกจ. เป็นผู้ปิดรอบการทำเงินเดือนด้วยมือ ระบบจะไม่ดำเนินการปิดรอบอัตโนมัติ
- รอบการขึ้นเงินเดือนใช้ร่วมกันระหว่างข้าราชการฯ และลูกจ้างประจำฯ
- กรณีรอบการขึ้นเงินเดือนพิเศษ เช่น ยาเสพติด สกจ. สร้างรอบและเป็นผู้ทำรายชื่อเงินเดือน โดยการเลือกคนมาลงในคนครองและกำหนดขั้น พร้อมกับส่งไปออกคำสั่งได้เลย ระบบจะไม่มีการทำ snapshot ใด ๆ
วิธีการคำนวณเงินเดือนสำหรับข้าราชการฯ
- ใน 1 ปีงบประมาณ จะเลื่อนเงินเดือน 2 รอบ
- ครึ่งปีแรก รอบเดือนเมษายน: 1 ต.ค. ของปี พ.ศ. ก่อนหน้า - 31 มี.ค. ของปี พ.ศ. ปัจจุบัน —> ให้ออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนในวันที่ 1 เม.ย. ปี พ.ศ. ปัจจุบัน (อยู่ในปีงบประมาณเดียวกัน)
- ครึ่งปีหลัง รอบเดือนตุลาคม: 1 เม.ย. ของปี พ.ศ. ปัจจุบัน - 30 ก.ย. ของปี พ.ศ. ปัจจุบัน —> ให้ออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนในวันที่ 1 ต.ค. ปี พ.ศ. ปัจจุบัน (แต่เป็นปีงบประมาณถัดไป)
- ผู้ทำเงินเดือนคือการเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน สำหรับสำนักปลัดคือสำนักงานการเจ้าหน้าที่ (สกจ.) แต่ทุกหน่วยงานต้องส่งให้ สกจ. ตรวจสอบความถูกต้อง
- การคำนวณเงินเดือนจะแยกคนออกเป็น 2 กลุ่ม คำนวณแยกกัน
- กลุ่มที่ 1
- ทั่วไป: ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน อาวุโส
- วิชาการ: ปฏิบัติการ ชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ
- อำนวยการ: ต้น
- กลุ่มที่ 2
- ทั่วไป: ทักษะพิเศษ
- วิชาการ: เชี่ยวชาญ ทรงคุณวุฒิ
- อำนวยการ: สูง
- บริหาร: ต้น สูง
- กลุ่มที่ 1
- แต่การส่งรายชื่อไป สกจ. จะส่งเฉพาะกลุ่มที่ 2 ทั้งหมด ส่วนกลุ่มที่ 1 จะส่งเฉพาะ อาวุโส ชำนาญการพิเศษ และอำนวยการต้น
- ดังนั้นการออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือน จะเป็นตามนี้
- กลุ่มที่ 1.1 : ปฏิบัติงาน ชำนาญงาน ปฏิบัติการ ชำนาญการ - หน่วยงานจะเป็นผู้ทำเก็บไว้ และเป็นผู้ออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือน
- กลุ่มที่ 1.2 : อาวุโส ชำนาญการพิเศษ อำนวยการต้น - หน่วยงานทำส่ง สกจ. และ สกจ. เป็นผู้ออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือน
- กลุ่มที่ 2 : ทักษะพิเศษ เชี่ยวชาญ ทรงคุณวุฒิ อำนวยการสูง บริหารต้น บริหารสูง - หน่วยงานทำส่ง สกจ. และ สกจ. เป็นผู้ออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือน
- รอบเมษายน
- ใช้รายชื่อคนครอง ณ วันที่ 1 มีนาคมของปี พ.ศ. ปัจจุบัน
- ระบบทำ Snapshot 2 รอบ
- รอบแรก เมื่อถึงวันที่ 1 มีนาคม ล็อกคนครองแล้วเอามาคำนวณเงินเดือน
- รอบสอง เมื่อถึงวันที่ 1 เมษายน ล็อกคนครองที่ยังอยู่จนถึงวันนี้ โดยไม่ต้องแก้ไขจำนวนเงิน ซึ่งรายชื่อคนครอง ณ วันที่ 1 เมษายนคือรายชื่อที่จะนำไปออกคำสั่ง
- ใช้ข้อมูลวันลาและวินัยของวันที่ 1 ตุลาคมของปี พ.ศ. ก่อนหน้า ถึงวันที่ 31 มีนาคมของปี พ.ศ. ปัจจุบัน มาพิจารณาคุณสมบัติ
- ระบบสนใจเฉพาะโทษทางวินัยที่สิ้นสุดแล้วเท่านั้น ไม่นับกรณีอยู่ในระหว่างสืบสวน สอบสวน
- ระบบแสดงข้อมูลวันลาและวินัยที่มีอยู่ให้การเจ้าหน้าที่ผู้จัดทำเงินเดือนตรวจสอบ ไม่ได้คำนวณอัตโนมัติใด ๆ
- รอบนี้มีได้แค่ 1 ขั้นกับครึ่งขั้นเท่านั้น
- รอบนี้สนที่จำนวนผู้ได้ 1 ขั้น ไม่ได้สนที่จำนวนเงิน
- จำนวนผู้จะได้ 1 ขั้น คิดจาก 15% ของจำนวนคนทั้งหมดในหน่วยงาน โดยแยกตามกลุ่ม
- ค่าที่คำนวณได้ จะเก็บข้อมูลเป็นทศนิยม 2 ตำแหน่ง แต่จะปัดเศษทิ้ง เช่น คำนวณได้ 12.56 จำนวนคนที่จะได้รับ 1 ขั้นของหน่วยงานนั้นจะเป็น 12 คน
- เศษที่เหลือจะถูกส่งไปรวบรวมที่ สกจ. เพื่อคิดภาพรวมของทั้งกรุงเทพมหานคร
- ตัวอย่างวิธีคำนวณเงินเดือนรอบเดือนเมษายน
- สมมติหน่วยงาน ก. มีข้าราชการ 199 คน ณ วันที่ 1 มีนาคม 2566 แบ่งเป็น
- กลุ่มที่ 1: 150 คน
- กลุ่มที่ 2: 49 คน
- กรณีกลุ่มที่ 1
- ผู้ที่จะได้ 1 ขั้นของกลุ่มที่ 1 มีทั้งสิ้น 150 x 0.15 = 22.5 = 22 คน เศษ .5 บันทึกไว้ส่งให้ สกจ.
- บัญชีผู้ที่จะได้ 1 ขั้น = 22 คน
- บัญชีผู้ที่จะได้ 0.5 ขั้น = 150 - 22 = 128 คน
- กรณีกลุ่มที่ 2
- ผู้ที่จะได้ 1 ขั้นของกลุ่มที่ 2 มีทั้งสิ้น 49 x 0.15 = 7.35 = 7 คน เศษ .35 บันทึกไว้ส่งให้ สกจ.
- บัญชีผู้ที่จะได้ 1 ขั้น = 7 คน
- บัญชีผู้ที่จะได้ 0.5 ขั้น = 49 - 7 = 42 คน
- เศษของแต่ละกลุ่มจะนำไปรวมกับหน่วยงานอื่น ๆ โดยแยกตามกลุ่มเหมือนเดิม ทาง สกจ. จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรจ่ายโควตาที่เหลือให้ใคร
- ในการเลือก 1 ขั้น มีโอกาสที่หน่วยงานจะส่งมาเกินโควตา ระบบจะยินยอมให้ส่งเกินโควตาได้ โดยโควตาจะแสดงติดลบ
- นอกจากนั้น ยังมีโอกาสที่หน่วยงานจะส่งคนที่ได้ 1 ขั้นสำรอง ในกรณีนี้จะแยกจากคนที่ได้ 1 ขั้นปกติ คือคนที่ได้ 1 ขั้นสำรองนี้จะยังคงได้ 0.5 ขั้นอยู่ จนกว่าทาง สกจ. จะอนุมัติว่าให้ได้รับ 1 ขั้นได้ การเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานจึงจะมาเปลี่ยนจากสำรองเป็นตัวจริง หากผู้ที่ได้ 1 ขั้นสำรองไม่ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นตัวจริง เมื่อนำไปออกคำสั่งจะได้ 0.5 ขั้น
- สมมติหน่วยงาน ก. มีข้าราชการ 199 คน ณ วันที่ 1 มีนาคม 2566 แบ่งเป็น
- ดังนั้น ในรอบเงินเดือนเมษายน จะแสดงผลเป็น
- 2 กลุ่ม แยกตามประเภทและระดับที่ระบุข้างต้น
- แต่ละกลุ่มมีผู้ได้รับ 0.5 ขั้น กับ 1 ขั้น แยกจากกัน
- ระบบจะต้องเก็บวงเงินที่ได้รับการเลื่อนเงินเดือนไว้เพื่อนำไปเตรียมหักลบกับรอบเดือนตุลาคมด้วย โดยวงเงินที่เก็บนี้คือส่วนต่างของเงินเดือนก่อนและหลังเลื่อนเงินเดือน เช่น
- กลุ่มที่ 1 ใช้เงินในการขึ้นเงินเดือนไป 80,000 บาท
- กลุ่มที่ 2 ใช้เงินในการขึ้นเงินเดือนไป 20,000 บาท
- วงเงินนี้ไม่เอาค่าตอบแทนพิเศษมารวม เช่น ถ้าวงเงินที่ใช้ในการเลื่อน คือ 80,000 บาท และมีค่าตอบแทนอีก 1,000 บาท ระบบจะส่งเฉพาะ 80,000 ไปยังรอบเดือนตุลาคม เพื่อไปหักลบกับ 6% ที่คำนวณได้ โดยไม่เอา 1,000 ไปหักลบเพิ่มเติมอีก
- รอบตุลาคม
- ใช้รายชื่อคนครอง ณ วันที่ 1 กันยายนของปี พ.ศ. ปัจจุบัน
- ใช้ข้อมูลวันลาและวินัยของวันที่ 1 เมษายนของปี พ.ศ. ปัจจุบัน ถึงวันที่ 30 กันยายนของปี พ.ศ. ปัจจุบัน มาพิจารณาคุณสมบัติ
- เงื่อนไขเรื่องวันลากับวินัยเหมือนรอบเดือนเมษายน
- รอบนี้มี 1 ขั้นครึ่งได้
- แต่ผลรวมของทั้งรอบเมษายน และรอบตุลาคม จะต้องไม่เกิน 2 ขั้นสำหรับแต่ละคน ดังนั้น ระบบต้องแสดงด้วยว่ารอบเมษายนใครได้ 1 ขั้นไปแล้ว จะไม่มีสิทธิได้ 1 ขั้นครึ่ง
- รอบนี้สนที่จำนวนเงิน
- วงเงินที่ใช้เลื่อนเงินเดือนในรอบนี้จะใช้ยอดเงินเดือนปัจจุบันของคนครอง ณ วันที่ 1 กันยายนของปี พ.ศ. ปัจจุบัน มาคำนวณ 6% เพื่อเป็นวงเงินในการเลื่อนเงินเดือนของทั้งปีงบประมาณ และจะนำยอดเงินที่ใช้เลื่อนเงินเดือนในรอบเมษายนไปแล้วมาหักออกก่อน เหลือเท่าไหร่คือเงินเดือนที่จะขึ้นได้ในรอบเดือนตุลาคม
- หน่วยงานอาจทำรายชื่อผู้ได้รับการเลื่อนหนึ่งขั้นได้ แม้ว่าจะเกินวงเงินหากที่ประชุมเห็นชอบว่าการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการทั้งกรุงเทพมหานครไม่เกินวงเงิน 6% แต่หากภาพรวม กทม. มีการติดลบ ก็จะพิจารณาให้แก้ไขเป็นรายหน่วยงานไป ซึ่งในปัจจุบันยังไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ทั้ง กทม. ใช้เงินเกินวงเงิน 6%
- ตัวอย่างวิธีคำนวณเงินเดือนรอบเดือนตุลาคม
- สมมติหน่วยงาน ก. มีข้าราชการ 199 คน ณ วันที่ 1 กันยายน 2566 แบ่งเป็น
- กลุ่มที่ 1: 150 คน มียอดเงินเดือนรวมกัน 3,980,000
- กลุ่มที่ 2: 49 คน มียอดเงินเดือนรวมกัน 1,470,000
- ดังนั้น 6% ของแต่ละกลุ่ม
- กลุ่มที่ 1 = 238,800
- กลุ่มที่ 2 = 88,200
- สมมติรอบเดือนเมษายนใช้เงินไปแล้ว 80,000 และ 20,000 บาท ดังนั้นยอดเงินคงเหลือที่จะใช้เลื่อนเงินเดือนในรอบนี้คือ
- กลุ่มที่ 1: 238,800 - 80,000 = 158,800
- กลุ่มที่ 2: 88,200 - 20,000 = 68,200
- สมมติหน่วยงาน ก. มีข้าราชการ 199 คน ณ วันที่ 1 กันยายน 2566 แบ่งเป็น
- แต่ละหน่วยงานจะเป็นผู้จัดสรรเองว่าในรอบนี้ ใครจะได้ครึ่งขั้น หนึ่งขั้น หรือขั้นครึ่ง โดยพิจารณาจากยอดเงินและผลการประเมิน
- ดังนั้น ในรอบเงินเดือนตุลาคม จะแสดงผลเป็น
- 2 กลุ่ม แยกตามประเภทและระดับที่ระบุข้างต้น
- แต่ละกลุ่มมีผู้ได้รับ 0.5 ขั้น 1 ขั้น กับ 1 ขั้นครึ่ง แยกจากกัน
- เฉพาะรอบตุลาคม จะต้องมีการแยกผู้เกษียณออกมาทำเงินเดือนต่างหาก โดยจะต้องออกคำสั่งเลื่อนเงินเดือนในวันที่ 30 ก.ย. ดังนั้น แบบฟอร์มและคำสั่งเลื่อนเงินเดือนที่ออกหลังจากนั้นจะไม่มีรายชื่อผู้เกษียณ แต่การคิดเงินจะทำรวมกัน
- ระบบต้องมีการออกรายงานต่าง ๆ ดูรายละเอียดในหัวข้อ “รายงานที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนทั้งหมด”
วิธีการคำนวณแท่ง
- ระบบจะใช้เงินเดือนฐานเป็นเกณฑ์ โดยนำประเภทตำแหน่งและระดับตำแหน่งไปหาผังบัญชีเงินเดือน จากนั้นนำเงินเดือนฐานของข้าราชการแต่ละคน ไปเช็กกับผังบัญชีประเภทและระดับตำแหน่งที่ตรงกัน แล้วเทียบว่าข้าราชการคนนั้นได้เลื่อนเงินเดือนครึ่งขั้น หนึ่งขั้น หรือขั้นครึ่ง ให้นำตัวเลขในช่องนั้นมาใช้เป็นเงินเดือนใหม่
- ตัวอย่างการคำนวณแท่ง (ให้ดูไฟล์ตารางเงินเดือนประกอบ)
- นาย ก. เป็นข้าราชการประเภทตำแหน่ง “ทั่วไป” ระดับ “ปฏิบัติงาน” ปัจจุบันมีเงินเดือน 19,740 บาท เมื่อได้เลื่อน 1 ขั้น จะได้รับเงินเดือน 20,380 บาท ในรอบนั้น
- เมื่อถึงรอบเลื่อนเงินเดือนถัดไป เงินเดือนฐานของนาย ก. จะเป็น 20,380 บาท
- ถ้ารอบเลื่อนเงินเดือนถัดไป นาย ก. ได้เลื่อน 1 ขั้น จะได้รับเงินเดือน 21,010 บาท
- เมื่อถึงรอบเลื่อนเงินเดือนถัดไป เงินเดือนฐานของนาย ก. คือ 21,010 บาท ซึ่งเต็มขั้นพอดี จากเดิมถ้านาย ก. ได้เลื่อน 1 ขั้นในรอบนี้อีก เงินเดือนที่นาย ก. ได้รับจะเป็น 21,010 บาท + ค่าตอบแทนพิเศษ 840 บาท แต่ในระบบเงินเดือนปัจจุบัน นาย ก. จะได้เงินเดือนทะลุขั้นไปคิดเงินเดือนฐานของระดับ “ชำนาญงาน” แล้ว ดังนั้น ถ้ารอบนี้นาย ก. ได้ 1 ขั้น จะได้รับเงินเดือน 21,620 บาท
- เมื่อเงินเดือนทะลุขั้นไปจนครบแล้ว จะไม่สามารถทะลุขั้นต่อไปได้อีก จนกว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยนประเภทตำแหน่งหรือระดับ
- หลักการเมื่อเจอทะลุขั้นรอบแรกคือ ถ้าการเลื่อนนั้นเจอค่าตอบแทน ให้กระโดดไปที่ขั้นถัดไป แล้วขยับไปทีละ 0.5 ขั้น จนกว่าจะครบขั้นที่ได้ในรอบนั้น เช่น ถ้าเดิม 20,700 ได้เลื่อน 1 ขั้น จะต้องเป็น 21,010 + ค่าตอบแทน 420 บาท กรณีให้ย้อนกลับไปเช็กว่า 0.5 ขั้นแรกไปตกที่ช่องไหน ถ้าดูจากตารางจะพบว่าตกที่ช่อง 21,010 แล้วยังขาดอีก 0.5 ขั้น ดังนั้นต้องขยับเงินเดือนฐานเป็น 21,010 แล้วหาว่าที่เงินเดือนฐานของ 21,010 (ที่ทะลุขั้นแล้ว) มีค่าเป็นเท่าใด ตามตารางจะมีค่า 21,190 ดังนั้นในรอบนั้นเดิมมีเงินเดือน 20,700 ได้เลื่อน 1 ขั้น จะได้เงินเดือน 21,190 บาท
UI การเลื่อนเงินเดือน
- รายการข้าราชการฯ ต้องมีฟิลด์ดังต่อไปนี้
- ลำดับ
- หน่วยงานที่สังกัด
- ตำแหน่งเลขที่
- ชื่อ - นามสกุล
- ตำแหน่งในสายงาน
- ตำแหน่งประเภท
- ระดับ
- ตำแหน่งทางการบริหาร
- เงินเดือนฐาน
- ขั้นที่ได้
- จำนวนเงินที่ใช้เลื่อน
- เงินเดือนหลังเลื่อน
- หน้ารายชื่อคนครอง ต้องแสดงข้อมูล
- ผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการ (คะแนนประเมินจากระบบประเมิน)
- ระยะเวลาการปฏิบัติราชการในรอบครึ่งปี
- การลงโทษทางวินัย
- พักราชการ
- ขาดราชการ
- วันลา
- ใส่หลักเกณฑ์การประเมินต่าง ๆ ลงในหน้ารายชื่อคนครองด้วย
- หลักเกณฑ์การประเมิน ได้แก่
- ผลการประเมินผลการปฏิบัติราชการ (คะแนนประเมินที่ได้จากระบบประเมินผลการปฏิบัติราชการ)
- ระยะเวลาการปฏิบัติราชการในรอบครึ่งปี
- การลงโทษทางวินัย
- พักราชการ
- ขาดราชการ
- วันลา
ระบบย่อย 4 - เลื่อนค่าจ้างลูกจ้างประจำกรุงเทพมหานคร
ลูกจ้าง รอบเดือนเมษายน
- หลักการคำนวณเบื้องต้นเหมือนกับข้าราชการฯ รอบเดือนเมษายน มีการคำนวณ 15% เหมือนกัน แต่จะไม่มีการแบ่งกลุ่ม 1 กลุ่ม 2
ลูกจ้าง รอบเดือนตุลาคม
- หลักการคำนวณเบื้องต้นเหมือนกับข้าราชการฯ รอบเดือนตุลาคม มีการคำนวณ 6% เหมือนกัน แต่จะไม่มีการแบ่งกลุ่ม 1 กลุ่ม 2
รายงานที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนทั้งหมด
ข้าราชการ รอบเดือนเมษายน
- gov1-01-รายชื่อข้าราชการผู้ที่ครองตำแหน่ง ณ วันที่ 1 มีนาคม: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 มีนาคม ระบบจะทำ snapshot รายชื่อคนครอง ณ เวลา 0.00 น. ของวันที่ 1 มีนาคม เมื่อได้รายชื่อคนครองแล้วจะสามารถส่งออกเอกสารชุดนี้ได้
- gov1-02-บัญชีการคำนวณโควตาเลื่อนเงินเดือน รอบเมษายน: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อการเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน/สกจ. ดำเนินการจัดสรรผู้ครองเข้าสู่รายชื่อผู้ได้เลื่อน/ไม่ได้เลื่อนเงินเดือนแล้ว
- gov1-03-รายชื่อข้าราชการที่ได้รับการเสนอขอเลื่อนหนึ่งขั้น: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับเอกสาร gov1-02
- gov1-04-แบบ 1 กท บัญชีรายชื่อผู้สมควรได้เลื่อนเงินเดือน รอบเมษายน: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 เมษายน ระบบจะทำ snapshot รายชื่อคนครอง ณ เวลา 0.00 น. ของวันที่ 1 เมษายน จากนั้นจะสามารถส่งออกเอกสารชุดนี้ได้ แยกกลุ่ม เรียงตามโครงสร้าง
- gov1-05-แบบ 2 กท บัญชีรายชื่อผู้ไม่สมควรได้เลื่อนเงินเดือน รอบเมษายน: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับ gov1-04 (แบบ 1 กท)
- ถ้ามีเอกสารนี้ ให้แยกข้าราชการกลุ่ม 1 และ 2 ออกเป็นคนละชุด
- gov1-06-แบบ 3 กท บัญชีแสดงวันลาครึ่งปี ขรก: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับ gov1-04 (แบบ 1 กท) (เป็นเอกสารจากระบบลา ต้องไปปรับเล็กน้อยให้สอดคล้องกัน)
- gov1-07-คำสั่งเลื่อนเงินเดือน รอบเมษายน: คำสั่งเลื่อนเงินเดือนจะรวมทุกขั้นไว้ในคำสั่งเดียว แต่แยกออกตามกลุ่มและอำนาจการออกคำสั่ง
- gov1-08-คำสั่งค่าตอบแทนพิเศษ และผู้ไม่ได้เลื่อน รอบเมษายน: คำสั่งให้ข้าราชการฯ ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ จะมีบัญชีแนบท้าย 2 ฉบับ คือบัญชีรายละเอียดผู้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ กับบัญชีผู้ไม่ได้เลื่อนเงินเดือน รายชื่อคนในบัญชีแนบท้ายผู้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ จะลงเฉพาะคนที่มีค่าตอบแทนพิเศษเกิดขึ้นเท่านั้น สมมติ นาย ก. ได้รับเงินเดือน + ค่าตอบแทน ในรอบนี้จะมีชื่อ นาย ก. ทั้งในคำสั่งเลื่อนเงินเดือน และคำสั่งค่าตอบแทนพิเศษ แต่ถ้า นาย ก. ได้เต็มขั้นแล้ว นาย ก. จะไม่ปรากฏรายชื่อในคำสั่งเลื่อนเงินเดือน แต่จะปรากฏในคำสั่งได้ค่าตอบแทนพิเศษแทน
- เอกสารทั้ง gov1-01 ถึง gov1-06 จะต้องนำส่งให้ สกจ. ตามเงื่อนไขต่อไปนี้
- กรณีสำนักต่าง ๆ และสำนักงาน ก.ก.
- gov1-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1 อาวุโส ชำนาญการพิเศษ และอำนวยการต้น
- กลุ่มที่ 2 ทั้งหมด
- แต่ละกลุ่ม เรียงตามโครงสร้าง แล้วตามด้วยเลขที่ตำแหน่ง
- gov1-02-บัญชีการคำนวณโควตา ต้องส่งทั้งหมดโดยไม่แยกกลุ่ม
- จัดเรียงตามโครงสร้าง
- ในแต่ละโครงสร้างแบ่งแยกเป็นกลุ่ม เอากลุ่ม 2 ขึ้นก่อน
- gov1-03-รายชื่อผู้ได้รับการเสนอขอเลื่อนหนึ่งขั้น ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-01
- เรียงตามโครงสร้าง
- ตามด้วยผลการประเมิน
- หากผลการประเมินเท่ากัน ให้เรียงตามเลขที่ตำแหน่งจากน้อยไปหามาก
- gov1-04-แบบ 1 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-01 และ
- แยกเอกสารผู้ได้ 0.5 ขั้น และ 1 ขั้น ออกจากกันเป็นคนละชุด
- แยกกลุ่มก่อน
- แล้วจัดเรียงตามโครงสร้าง
- ต่อด้วยเลขที่ตำแหน่ง
- gov1-05-แบบ 2 กท (ถ้ามี) ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1 ทั้งหมด
- กลุ่มที่ 2 ทั้งหมด
- จัดเรียงเช่นเดียวกับแบบ 1 กท.
- gov1-06-แบบ 3 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-04-แบบ 1 กท
- จัดเรียงเช่นเดียวกับแบบ 1 กท.
- gov1-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กรณีสำนักงานเขต และส่วนราชการในสำนักปลัด สลส. สผว.
- gov1-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1
- กลุ่มที่ 2
- gov1-02-บัญชีการคำนวณโควตา ไม่ต้องแยกกลุ่ม
- gov1-03-รายชื่อผู้ได้รับการเสนอขอเลื่อนหนึ่งขั้น ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-01
- gov1-04-แบบ 1 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-01 และ
- แยกเอกสารผู้ได้ 0.5 ขั้น และ 1 ขั้น ออกจากกันเป็นคนละชุด
- gov1-05-แบบ 2 กท (ถ้ามี) ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-01
- gov1-06-แบบ 3 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov1-04-แบบ 1 กท
- gov1-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กรณีสำนักงานเลขานุการปลัด กทม.
- จัดทำเอกสารเฉพาะของปลัด กทม. / รองปลัด กทม. / ผู้ช่วยปลัด กทม. และตำแหน่งประจำสำนักปลัด กทม. ทำเหมือนส่วนราชการในสำนักปลัด
- กรณีกองงานผู้ตรวจราชการ
- จัดทำเอกสารเฉพาะของผู้ตรวจราชการ (ตำแหน่งประเภทอำนวยการต้นและสูง) ผู้ตรวจราชการ กทม. ทำเหมือนส่วนราชการในสำนักปลัด
- กรณีสำนักต่าง ๆ และสำนักงาน ก.ก.
ข้าราชการ รอบเดือนตุลาคม
- gov2-01-รายชื่อข้าราชการผู้ที่ครองตำแหน่ง ณ วันที่ 1 กันยายน: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 กันยายน ระบบจะทำ snapshot รายชื่อคนครอง ณ เวลา 0.00 น. ของวันที่ 1 กันยายน เมื่อได้รายชื่อคนครองแล้วจะสามารถส่งออกเอกสารชุดนี้ได้
- gov2-02-บัญชีการคำนวณวงเงินเลื่อนเงินเดือน รอบตุลาคม: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อการเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน/สกจ. ดำเนินการจัดสรรผู้ครองเข้าสู่รายชื่อผู้ได้เลื่อน/ไม่ได้เลื่อนเงินเดือนแล้ว
- gov2-03-รายชื่อข้าราชการผู้ที่ได้รับการเสนอขอเลื่อนเงินเดือนทั้งปีสองขั้น: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับเอกสาร gov2-02 จัดเรียงลำดับตามผลการประเมินมากไปหาน้อย หากผลเท่ากันให้เรียงตามเลขที่ตำแหน่งจากน้อยไปหามาก
- เอกสารนี้จะต้องมีชื่อคนที่ได้รับ 1 ขั้นในรอบเดือนเมษายนก่อน (แม้รอบนี้จะไม่ได้ 1 ขั้น)
- จากนั้นจะมีหมายเหตุว่า คนไหนไม่ได้ 1 ขั้นในรอบนี้ แล้วคนที่ได้ 1 ขั้นมาแทนใครในรอบเดือนเมษายน
- gov2-04-แบบ 1 กท บัญชีรายชื่อผู้สมควรได้เลื่อนเงินเดือน รอบตุลาคม: เอกสารนี้จะได้มาเมื่อเข้าสู่วันที่ 1 ตุลาคม ระบบจะทำ snapshot รายชื่อคนครอง ณ เวลา 0.00 น. ของวันที่ 1 ตุลาคม จากนั้นจะสามารถส่งออกเอกสารชุดนี้ได้
- gov2-05-แบบ 2 กท บัญชีรายชื่อผู้ไม่สมควรได้เลื่อนเงินเดือน รอบตุลาคม: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับ gov1-04 (แบบ 1 กท)
- ถ้ามีเอกสารนี้ ให้แยกข้าราชการกลุ่ม 1 และ 2 ออกเป็นคนละชุด
- gov2-06-แบบ 3 กท บัญชีแสดงวันลาครึ่งปี ขรก: เอกสารนี้จะได้มาพร้อมกับ gov2-04 (แบบ 1 กท) (เป็นเอกสารจากระบบลา ต้องไปปรับเล็กน้อยให้สอดคล้องกัน)
- gov2-07-คำสั่งเลื่อนเงินเดือนข้าราชการเกษียณ: คำสั่งเลื่อนเงินเดือนเฉพาะข้าราชการเกษียณ คำสั่งนี้ต้องออกในวันที่ 30 กันยายน
- gov2-08-คำสั่งเลื่อนเงินเดือน รอบตุลาคม: เช่นเดียวกับรอบเมษายน คำสั่งนี้จะรวมทุกขั้นไว้ในคำสั่งเดียว
- gov2-09-คำสั่งค่าตอบแทนพิเศษ และผู้ไม่ได้เลื่อนเงินเดือน รอบตุลาคม: คำสั่งให้ข้าราชการฯ ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ จะมีบัญชีแนบท้าย 2 ฉบับ คือบัญชีรายละเอียดผู้ได้รับค่าตอบแทนพิเศษ กับบัญชีผู้ไม่ได้เลื่อนเงินเดือน
- เอกสารทั้ง gov2-01 ถึง gov2-06 จะต้องนำส่งให้ สกจ. ตามเงื่อนไขต่อไปนี้ (การจัดเรียงโดยส่วนใหญ่จะเหมือนรอบเดือนเมษายน)
- กรณีสำนักต่าง ๆ และสำนักงาน ก.ก.
- gov2-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1 อาวุโส ชำนาญการพิเศษ และอำนวยการต้น
- กลุ่มที่ 2 ทั้งหมด
- gov2-02-บัญชีการคำนวณวงเงิน ต้องส่งทั้งหมดโดยไม่แยกกลุ่ม
- gov2-03-รายชื่อข้าราชการผู้ที่ได้รับการเสนอขอเลื่อนเงินเดือนทั้งปีสองขั้น ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-01
- gov2-04-แบบ 1 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-01 และ
- แยกเอกสารผู้ได้ 0.5 ขั้น 1 ขั้น และ 1.5 ขั้น ออกจากกันเป็นคนละชุด
- gov2-05-แบบ 2 กท (ถ้ามี) ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1 ทั้งหมด
- กลุ่มที่ 2 ทั้งหมด
- gov2-06-แบบ 3 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-04-แบบ 1 กท
- gov2-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กรณีสำนักงานเขต และส่วนราชการในสำนักปลัด สลส. สผว.
- gov2-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กลุ่มที่ 1
- กลุ่มที่ 2
- gov2-02-บัญชีการคำนวณวงเงิน ไม่ต้องแยกกลุ่ม
- gov2-03-รายชื่อข้าราชการผู้ที่ได้รับการเสนอขอเลื่อนเงินเดือนทั้งปีสองขั้น ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-01
- gov2-04-แบบ 1 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-01 และ
- แยกเอกสารผู้ได้ 0.5 ขั้น 1 ขั้น และ 1.5 ขั้น ออกจากกันเป็นคนละชุด
- gov2-05-แบบ 2 กท (ถ้ามี) ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-01
- gov2-06-แบบ 3 กท ให้แยกบัญชีเหมือน gov2-04-แบบ 1 กท
- gov2-01-รายชื่อผู้ครองตำแหน่ง ให้แยกบัญชี
- กรณีสำนักงานเลขานุการปลัด กทม.
- จัดทำเอกสารเฉพาะของปลัด กทม. / รองปลัด กทม. / ผู้ช่วยปลัด กทม. และตำแหน่งประจำสำนักปลัด กทม. ทำเหมือนส่วนราชการในสำนักปลัด
- กรณีกองงานผู้ตรวจราชการ
- จัดทำเอกสารเฉพาะของผู้ตรวจราชการ (ตำแหน่งประเภทอำนวยการต้นและสูง) ผู้ตรวจราชการ กทม. ทำเหมือนส่วนราชการในสำนักปลัด
- กรณีสำนักต่าง ๆ และสำนักงาน ก.ก.
- กรณีผู้เกษียณ เอกสาร 1 2 3 กท. ต้องทำแยกต่างหาก และส่งก่อน ดังนั้นในเอกสาร 1 2 3 กท. ปกติจะไม่มีรายชื่อผู้เกษียณแล้ว
ลูกจ้าง รอบเดือนเมษายน
ลูกจ้าง รอบเดือนตุลาคม
อธิบายเพิ่มเติมเรื่องโฟลวการทำงานและการออกคำสั่งเงินเดือน
- กรณีหน่วยงานระดับสำนักและสำนักงาน ก.ก.: ฝ่ายบริหารแต่ละกองจะทำรายชื่อข้าราชการที่ครองตำแหน่งส่งให้กับการเจ้าหน้าที่หน่วยงาน (แต่ในระบบเราจะให้การเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเป็นคนทำได้เลย) จากนั้นการเจ้าหน้าที่จะส่งเอกสารเฉพาะกลุ่ม 1.2 และกลุ่ม 2 ให้ สกจ. ส่วนกลุ่ม 1.1 ไม่ต้องส่ง จากนั้นรอ สกจ. ตอบกลับเรื่องโควตาและวงเงิน จากนั้นแต่ละหน่วยงานจะทำคำสั่งเลื่อนเงินเดือนในกลุ่ม 1.1 เท่านั้น ที่เหลือเป็นอำนาจ สกจ. ออกคำสั่ง
- กรณีสำนักงานเขต / สำนักงานเลขานุการสภา กทม. (สลส.กทม.) / สำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. (สผว.กทม.) และส่วนราชการในสำนักปลัด: ต้องส่งทุกกลุ่มให้ สกจ. และรอ สกจ. ตอบกลับเรื่องโควตาและวงเงิน จากนั้นหน่วยงานจึงทำคำสั่งเลื่อนเงินเดือนเฉพาะกลุ่ม 1.1 เช่นกัน ที่เหลือเป็นอำนาจ สกจ. ออกคำสั่ง